พื้นที่ประมาณสองในสามของประเทศฝรั่งเศสเป็นที่ราบ เทือกเขาที่สำคัญได้แก่ เทือกเขาแอล์ปซึ่งมียอดเขาที่สูงที่สุดในยุโรป คือ ยอดเขามงต์บลองก์ (Mont-Blanc) สูง 4,807 เมตร เทือกเขาปิเรเนส์ เทือกเขาจูรา เทือกเขาอาร์แดนส์ เทือกเขามาสซิฟ ซองทราลและเทือกเขาโวจช์ ประเทศฝรั่งเศสมีชายฝั่งทะเลอยู่ถึง 4 ด้าน คิดเป็นความยาวรวมทั้งสิ้น 5,500 กิโลเมตร (ทะเลเหนือ ช่องแคบอังกฤษ มหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน)
- ภูมิอากาศ
ประเทศฝรั่งเศสมีภูมิประเทศหลายแบบ มีทั้งภูเขา ที่ราบสูง ที่ราบลุ่มแม่น้ำ ชายฝั่งมหาสมุทร และที่ราบตอนกลางของ ประเทศ ดังนั้นจึงมีลักษณะภูมิอากาศ ( le climlat ) แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ดังนี้
1. ภูมิอากาศแบบชายฝั่งมหาสมุทร (le climat océanique ou atlantique) ทางด้านตะวันตกของประเทศ ลักษณะอากาศ จะไม่หนาวในฤดูหนาว แต่ฤดูร้อนจะเย็นและชื้น ฝนตกอ่อนๆตลอดปี
2. ภูมิอากาศแบบทวีป (le climat continental) คือ ส่วนที่อยู่ในประเทศแถบ และทางตะวันออกของประเทศ อากาศหนาวในฤดูหนาว และในฤดูร้อนอากาศร้อน มีพายุฝน
3. ภูมิอากาศแบบภูเขา (le climat montagnard) อากาศจะหนาวมาก มีหิมะตกในฤดูหนาวและมีเวลายาวนานกว่าฤดูร้อน ที่ไม่ร้อนจัด แต่อากาศดี บริเวณนี้อาจมีฝนตกทุกฤดู
4. ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน (le climat méditerranée) ในฤดูหนาวอากาศไม่หนาว แต่ฤดูร้อน จะร้อนมาก แสงแดดจัด เป็นบริเวณใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจึงมีเมืองตากอากาศริมฝั่งมากมาย
ฤดูในประเทศฝรั่งเศส ( les saisons en France ) มี 4 ฤดู ดังนี้
1. ฤดูใบไม้ผลิ ( le printemps ) เริ่มประมาณเดือนมีนาคม ถึง เดือนมิถุนายน ฤดูนี้อากาศจะอบอุ่น ต้นไม้เริ่มผลิใบเขียว ชอุ่มและออกดอก บานสะพรั่ง เป็นฤดูแห่งความสวยงาม ( la saison des fleurs ) ท้องฟ้าสดใส
2. ฤดูร้อน ( l' été ) เริ่มประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน อากาศร้อนจึงเป็นฤดูแห่งวันหยุด
( vacances d'été ) ชาวฝรั่งเศสมักไปเที่ยวพักผ่อน ตากอากาศตามชายฝั่งทะเล
3. ฤดูใบไม้ร่วง (l'automne) เริ่มประมาณเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม อากาศแปรปรวน ท้องฟ้ามืดครึ้ม ลมแรง ฝนตกบ่อย ใบไม้เหลืองแห้งและร่วงมากมาย บริเวณป่าไม้จึงมีสีสันของใบไม้ที่หลากหลาย ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสมี ลมแรง เรียกกันว่า ลม mistral
4. ฤดูหนาว (l'hiver) เริ่มเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม มีฝนและหิมะตกเป็นประจำ มีวันหยุดฤดูหนาว ( vacances de neige ) เพื่อการพักผ่อน และเล่นกีฬาฤดูหนาว เช่น การเล่นสกี ล้อเลื่อนบนหิมะ ฯ ตามภูเขา
ประวัติศาสตร์
ชาวฝรั่งเศสสืบเชื้อสายมาจากพวกมองโกลในศตวรรษที่ 1 จากนั้นตกมาอยู่ใต้การปกครองของพวกแฟรงก์ (ชื่อประเทศ France มาจากคำว่าแฟรงก์เช่นกัน) ปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ที่มีบันทึกว่าเริ่มในศตวรรษที่ 5 เมื่อพระเจ้าชาร์เลอมาญตั้งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ใน ค.ศ. 843 ก็มีอาณาเขตครอบคลุมทั้งฝรั่งเศสและเยอรมนี
ราชสำนักฝรั่งเศสขึ้นสู่จุดสูงสุดในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งในยุคนี้ฝรั่งเศสได้เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในยุโรป และมีอำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจศิลปะ และ วัฒนธรรม ต่อยุโรปเป็นอย่างมาก
ฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบกษัตริย์จนถึงสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 16ในปี ค.ศ. 1792 จึงเปลี่ยนมาใช้ระบอบสาธารณรัฐ หลังจากนั้นนโปเลียน โบนาปาร์ตได้ตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิและรุกรานประเทศอื่น ๆ ในทวีปยุโรป เมื่อนโปเลียนพ่ายแพ้ ฝรั่งเศสจึงกลับมาใช้ระบบสาธารณรัฐอีกครั้ง เรียกว่ายุคสาธารณรัฐที่สอง แต่ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะหลุยส์ นโปเลียน หลานลุงของนโปเลียนได้ยึดประเทศและตั้งจักรวรรดิที่สองอีกครั้ง
ตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ถึง ทศวรรษที่ 60 ซึ่งเป็นยุคล่าอาณานิคม จักรวรรดิฝรั่งเศสมีพื้นที่ใหญ่มาก โดยช่วงที่ใหญ่ที่สุดคือช่วงยุคทศวรรษที่ 20 ถึง 30 ซึ่งมีกว่า 12,898,000 ตารางกิโลเมตร และเป็นจักรวรรดิอันดับสองของโลก รองมาจากจักรวรรดิอังกฤษ
ฝรั่งเศสได้รับความบอบช้ำอย่างหนักจากสงครามโลกทั้งสองครั้ง ปัจจุบันใช้การปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบที่มีทั้งประธานาธิบดี และนายกรัฐมนตรี (เรียกยุคสาธารณรัฐที่ห้า) ทศวรรษที่ผ่านมาฝรั่งเศสและเยอรมนีเป็นผู้นำของการรวมตัวตั้งประชาคมยุโรป ซึ่งพัฒนามาเป็นสหภาพยุโรปในปัจจุบัน
ฝรั่งเศสยังเป็น 1 ใน 5 สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และเป็นประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น